น้องสาวผมชื่อพีพีอายุ 20 ปี ตอนนี้ป่วยหนัก อยู่ รพ. เริ่มแรกวันที่ 15 พ.ค. น้องผมเหมือนเป็นไข้ไม่สบาย จึงไปหาหมอที่ รพ.ต้นสังกัด แห่งหนึ่ง หมอนัดตรวจเลือดทั้งหมด 3 ครั้ง เพื่อเชคดูว่าเป็นโรคไข้เลือดออกหรือไม่ ตรวจไปสองครั้ง ครั้งที่สามตรงกับวันที่ 17 พ.ค.น้องมีเรียน น้องจึงได้ขออนุญาตแพทย์ไปตรวจเลือดครั้งสุดท้ายกับ รพ.ที่อยู่ติดกับหอพักของน้อง ซึ่งแพทย์อนุญาต หลังจากน้องเรียนเสร็จจึงไปหาหมอเพื่อตรวตเลือดครั้งสุดท้าย แต่เนื่องจาก รพ.นี้เป็น รพ.รัฐ ดังนั้นคิวการรักษาจึงมาก ปกติเวลาเราไปตรวจกับ รพ. รัฐ ต้องไปรับหรือจองคิวกันตั้งแต่เช้ามืด บางทีไปรับคิวแต่เช้าแต่ได้ตรวจบ่ายก็มี ซึ่งน้องผมเรียนเสร็ประมาณ 10 โมงเช้า ไม่ต้องคิดเลยว่าจะต้องรอคิวนานขนาดไหน รอจนกระทั่งเพื่อนน้องผิดสังเกตว่าทำไมน้องสาวผมไม่กลับหอพักสักที จึงไปตามที่ รพ. พอเพื่อนน้องไปถึง ตอนนั้นน้องผมอาการเริ่มหนักแล้ว น้ำลายไหลออกจากปากแบบควบคุมไม่ได้ การตอบสนองช้า และ เริ่มเบลอเพื่อนน้องจึงไปแจ้งพยาบาลหลังจากนั้นจึงเข้าห้องฉุกเฉิน และ ทาง รพ.ก็ส่งต่อกลับมาที่ รพ. ต้นสังกัดแทน
เวลาประมาณ 2 ทุ่มของวันที่ 17 พ.ค. น้องสาวถูกส่งตัวถึง รพ.ต้นสังกัด ทาง รพ. ก็ตรวจรักษาเบื้องต้นตามอาการ ตอนนี้น้องเริ่มมีอาการชัก จึงมีการเจาะหลังครั้งแรกเพื่อเอาเชื้อไปเพาะเชื้อหาสาเหตุ แต่เนื่องจากห้อง icu ของ รพ. ณ ตอนนั้นเต็ม จึงต้องรอคิวก่อน ซึ่งทางครอบครัวผมรอไม่ไหว เนื่องจากเห็นว่าน้องแย่ลงทุกทีทุกทีจึงติดต่อขอย้ายจาก รพ.ต้นสังกัด มา รพ.รามคำแหง
ช่วงเช้าของวันที่ 18 พ.ค. น้องสาวถึง รพ. รามคำแหง แพทย์และพยาบาลที่นี่ดีมาก ช่วยเหลือให้ข้อมูลแก่ครอบครัวเราทุกอย่าง ไม่ว่าจะมีคนมาเยี่ยมน้องสาวมากน้อยแค่ไหน ก็จะตอบทุกคำถามที่ญาติสงสัยและอยากจะทราบ แม้บางเรื่องจะไม่สามารถให้ตอบได้ ก็จะมีคำตอบที่ญาติๆฟังแล้วสบายใจขึ้นเสมอๆ ตั้งแต่มาถึง รพ.รามฯ ทางทีมแพทย์ได้ตรวจรักษาเบื้องต้น และมีความจำเป็นจะต้องเจาะหลังครั้งที่ 2 เนื่องจากทาง รพ.ต้นสังกัดยังไม่ได้ส่งผลไปตรวจและเพาะเชื้อ จึงต้องเริ่มการรักษาใหม่ตั้งแต่ต้น ซึ่งทางทีมแพทย์ได้สันนิษฐานไว้หลายอย่างมากๆ ก็ค่อยๆตัดไปทีละอย่าง เรื่อยๆ เพราะต้องรอผลที่แน่ชัดจากการเพาะเชื้ออีกที ซึ่งต้องใช้เวลา 5-7 วัน ระหว่างนั้นก็รักษาตามอาการที่พบไปก่อน จนครบ 7 วัน ผลการเพาะเชื้อออกมาปรากฏว่า ที่สันนิษฐานไว้ไม่ใช่สักอย่าง จึงต้องเจาะหลังเพิ่มอีกเป็นครั้งที่ 3 เพื่อทำการเพาะเชื้อใหม่ แต่รอบนี้ผลจะออกวันที่ 3,5,7 หลังจากส่งตรวจ ซึ่งทางผมและครอบครัวคงทำได้แค่รอ และให้กำลังใจน้องสาวให้ฟื้นตัวและหายไวๆ
ตั้งแต่น้องผมย้าย รพ. มาจนถึงวันนี้ ก็ยังคงอยู่ icu อยู่ อาการทรงตัว รับรู้ ตอบสนอง แต่ยังออกจาก icu ไม่ได้เนื่องจากน้องยังมีอาการชักและกระตุกอยู่เรื่อยๆ จึงต้องอยู่ในความดูแลของพยาบาลอย่างใกล้ชิด แต่เนื่องจากตอนนี้ทางครอบครัวผมเริ่มรับภาระค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลที่แทบจะเฉียดล้านเข้าไปทุกทีไม่ไหวแล้ว จึงอยากจะย้ายไป รพ.รัฐ ซึ่งน่าจะเซฟเรื่องค่าใช้จ่ายมากกว่านี้
ความยากลำบากมันเริ่มตั้งแต่ตอนนี้แหละครับ
เนื่องจากทางครอบครัวผมไม่มีใครทำงานด้านสาธารณสุขเลย จึงไม่รู้ว่าการย้ายจาก รพ.เอกชน ไป รพ.รัฐ นั้นยากแค่ไหน ศัพท์บางคำที่เค้าพูดกันผมยังไม่คุ้นหูเลย อย่างเช่น รพ.ต้นสังกัด ผมทราบว่าสิทธิ์การรักษาพยาบาลแต่ละคนอยู่ที่ไหน แต่ไม่คิดว่าจะมีสังกัด รพ.ด้วย และไม่คิดว่าการที่เราจะย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งต้องใช้หนังสืออนุมัติจาก รพ.ต้นสังกัด หรือ
มีครั้งนึงผมติดต่อไป ปลายสายถามผมว่าผู้ป่วยใส่ทูปอยู่มั้ย ผมงงทูปคืออะไร …ได้ฟังครั้งแรกผมนึกถึงหลอดหรือท่อแหละครับแต่นึกไม่ออกว่าอะไรคือทูป เป็นการคุยโทรศัพท์ที่เหมือนจะเข้าไปแต่ไม่เข้าใจ 100% อ่ะ คือเข้าใจเพราะบริบทอื่นๆในประโยคที่ประกอบกันมากกว่า จนบางทีก็ต้องถามกลับว่าหมายถึงอะไรอ่ะครับ …
แต่ในความมืดแปดด้านก็ยังพอมีแสงสว่างอยู่บ้าง มีพี่พยาบาลที่ รพ. ที่เราคุยจนคุ้นเคย ได้แนะนำขั้นตอนต่างๆ ว่าควรจะทำอย่างไร ถึงแม้จะบอกว่ายาก แต่ก็ยังมีความหวังนะ พี่เค้าแนะนำให้ติดต่อไปที่ รพ.ต้นสังกัด เพื่อให้ทำหนังสือส่งตัวผู้ป่วยไป รพ. ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือ มีอุปกรณ์หรือเตียงที่พร้อมมากกว่า ครั้งแรกที่ทางเราติดต่อกลับไปที่ รพ. ต้นสังกัด ได้รับคำตอบว่า ทาง รพ. สามารถที่จะรักษาได้ จึงไม่ทำหนังสือยินยอมให้ย้ายไป รพ.รัฐ อื่นๆได้ แต่ทางครอบครัวรู้ไม่โอเคกับ รพ.ต้นสังกัดไปแล้ว เพราะ ก่อนที่จะย้ายมา รพ.รามคำแหง ก็ไปอยู่ รพ.ต้นสังกัดมาก่อน ซึ่งตอนนั้นเค้าแค่ดูอาการต่างๆของน้อง จนอาการน้องแย่ลง และห้องไอซียูไม่ว่าง ทางครอบครัวจึงเกิดความไม่มั่นใจในการรักษา จึงขอย้ายมา รพ.รามคำแหง พอได้รับคำตอบปฏิเสธการส่งตัวจาก รพ. ต้นสังกัด ทางพี่พยาบาลจึงแนะนำให้ติดต่อไปที่ สปสช. และให้เล่าเรื่องต่างๆและความจำเป็นให้ทาง สปสช. ฟัง วันรุ่งขึ้น ทาง รพ. ต้นสังกัดจึงออกหนังสือส่งตัวให้
แต่…ทาง รพ. ต้นสังกัดแจ้งว่า ขอให้ไปหา รพ. ที่มีเตียงว่างมา เพื่อจะได้ระบุลงไปในหนังสือส่งตัว …. ความมืดแปดด้านกลับมาอีกรอบ…ผมจะเชคได้ยังไง ผมจะรู้ได้ยังไง ว่า รพ. ไหนบ้างที่น้องผมสามารถย้ายไปได้บ้าง … เรื่องนี้คือความเป็นความตายน้องเลย เพราะผมไม่รู้เลยว่า รพ.ใด มีความสามารถในการรักษาน้องสาวผมได้บ้าง ทางพี่พยาบาลจึงแนะนำให้เริ่มติดต่อจาก รพ. ใหญ่ๆก่อน หลังจากได้รับคำแนะนำเบื้องต้น แม่และผมก็เริ่มหา…ผ่านไป 1 วัน ยังไม่มี รพ.ใด ที่มีเตียงว่างเลย …
ความหวังเริ่มมีมากขึ้น เมื่อได้รับคำแนะนำจากเพื่อนคนหนึ่ง ที่ช่วยแนะนำ รพ. ต่างๆให้ และ อธิบายให้ฟังถึงขั้นตอนการส่งตัว และจะทำอย่างไรให้ รพ.รัฐ แต่ละ รพ. รับรักษาน้องสาวได้ง่ายขึ้น นั่นคือ ต้องไปติดต่อแต่ละ รพ. ด้วยตัวเอง ถือเอกสารประวัติการรักษาไป พูดให้ทาง รพ.เห็นใจ พูดขอร้อง น้ำตาคลอเบ้า แค่ผมเห็นว่าเค้าเปิดดูประวัติการรักษาอย่างน้อยก็ยังดี มันดูเหมือนเป็นเรื่องตลกเนอะ แต่…ก็ต้องทำ เพราะก่อนหน้านี้ผมแค่โทรไปตาม รพ.ต่างๆ ทั้งหมดแจ้งว่าเตียงเต็ม ห้องเต็ม ตอนแรกผมโมโหมาก อะไรกัน เต็มไปหมดทุก รพ. แบบนี้ถ้ามีเคสหนักๆฉุกเฉินมา รพ.จะทำยังไงกัน แต่มาทราบทีหลังว่า ทาง รพ. ก็ต้องเตรียมไว้สำหรับเคสฉุกเฉินพวกนี้นี่แหละ สาเหตุจาก รพ. ต่างๆเองก็ไม่สามารถปฏิเสธการรักษาได้ จึงต้องเตรียมสำรองไว้ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นอาจจะโดนฟ้องร้องจากผู้ป่วยได้ (ตามที่เราเคยๆเห็นกันในข่าว) พอผมทราบเช่นนี้ จะโมโหก็โมโห จะเห็นใจ รพ. ก็เห็นใจ
หลังจากนั้นผมก็ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อน ม.ปลาย ที่เรียนมาห้องเดียวกัน ตอนนี้ทำงานอยู่ รพ.จุฬา ตอนแรกเพื่อนก็ไม่ทราบว่าน้องสาวผมเข้า รพ. มารู้ตอนผมทักแชทไปถาม เพื่อนก็ช่วยสุดความสามารถนะครับ แนะนำทุกขั้นตอน ว่าควรจะติดต่อยังไง แถมยังเป็นคนประสานงานกับแผนกที่เกี่ยวกับโรคประสาทให้ ต้องขอบคุณเพื่อนมากๆ เหมือนเป็นอีกหนึ่งความหวังว่าน้องจะได้รับการรักษาที่ดีและหายในที่สุด
ตอนนี้หลังจากไปติดต่อ รพ. ต่างๆมากกว่า 10 รพ.แล้ว ทุก รพ. ให้จองคิวและรอคิว และให้โทรสอบถามเรื่อยๆ ว่าถึงคิวหรือยัง เนื่องจากทาง รพ. ต่างๆก็ไม่สามารถระบุได้ว่า จะมีห้อง icu ว่างหรือเตียงว่างตอนไหน
ผมและครอบครัวก็ได้แต่ภาวนา ขอให้น้องสาวฟื้นตัวในเร็ววันหรือได้ย้ายไป รพ.รัฐ โดยเร็ว เพราะ ถ้านานกว่านี้ทางครอบครัวคงรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว
สุดท้ายนี้ ผมขอความช่วยเหลือจากพี่ๆเพื่อนๆและน้องๆ ถ้าพี่ๆเพื่อนๆคนไหน มีอะไรที่จะแนะนำผม หรือให้ผมไปติดต่อใครหรือหน่วยงานไหนอย่างไร หรือ สามารถเชคได้ว่าที่ รพ.ใด จะสามารถย้ายไปได้บ้าง ผมขอความช่วยเหลือแนะนำผมหน่อยนะครับ
หากพี่ๆน้องๆท่านใดประสงค์จะช่วยค่ารักษาพยาบาลสามารถโอนเงินได้ที่
ธนาคารไทยพาณิชย์
เลขที่บัญชี 160-243716-2
ขื่อบัญชี พัดชา ใยเยื่อ (มารดา)
ธนาคารกสิกรไทย
เลขที่บัญชี 482-250439-1
ชื่อบัญชี พิชญา อินเฮง (พี่ชาย)
ขอบพระคุณมากๆครับ
ประวัติน้องพีพี
ชื่อ กัตติกา อุ่นเจริญ อายุ 20 ปี
เกิด 30 พฤษภาคม 2541
ศิษย์เก่าโรงเรียนเซนต์เทเรซา (ST.65)
ศิษย์เก่าโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย ปทุมธานี (OSKP19)
ปัจจุบันศึกษาคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี กำลังจะขึ้นชั้นปีที่ 3 รหัส 59
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
คุณแม่ : 086-412-9246
พีช : 092-573-2632
Line : pitchpch